ในชีวิตประจำวัน เราได้พบเห็นรูปภาพต่างๆ มากมายอยู่ทั่วไป เป็นต้นว่า รูปภาพในกล่องหรือภาชนะบรรจุสินค้า ภาพในนิตยสาร ภาพในหนังสือเรียน ภาพโฆษณาสินค้าตามป้ายรถเมล์และอีกมากมาย รูปภาพเหล่านี้เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า กราฟิก (Graphic) คำศัพท์ภาษาอังกฤษ “กราฟิก"” แปลว่า มีความหมายค่อนข้างจะกว้างมาก ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับรูปภาพทั้งหมด
ความหมายของคอมพิวเตอร์กราฟิก
คอมพิวเตอร์กราฟิก คือกราฟิกที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อถ่ายทอดและสื่อสารความรู้สึกนึกคิดของผู้สร้างผลงานไปยังผู้รับชม โดยอาศัยวิธีการทางคอมพิวเตอร์ต่างๆ
ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้งาน การสร้างกราฟิกจะอาศัยเครื่องมือแบบง่ายๆ เช่น พู่กัน แปรง ยางลบ ไม้บรรทัด กระดาษ สีน้ำ สีโปสเตอร์ แอร์บรัช (Air Brush) เป็นต้นหลังจากสร้างผลงานเสร็จแล้ว ผลงานก็จะมีเพียงชิ้นเดียวไม่สามารถทำสำเนาได้ หรือถึงแม้ทำสำเนาขึ้นมาได้ ก็ไม่เหมือนผลงานชิ้นเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลงานภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียงและได้เสียชีวิตแล้วจึงมีราคาสูง ผลงานเหล่านั้นนับวันก็จะเก่าลงและบุบสลายไปตามอายุขัยของวัสดุที่ใช้
ที่สำคัญคือ การสร้างกราฟิกด้วยมือ (ไม่อาศัยคอมพิวเตอร์) เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นจะแก้ไขได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น ในการวาดภาพหากระบายสีผิด การแก้ไขคือ การพยายามลบสีที่ระบายผิดนั้นทิ้งไปหรือนำสีอื่นมาระบายทับ แต่ก็เป็นการยากที่จะทำให้ผลงานชิ้นนั้นไร้รอยตำหนิจากความผิดพลาดนั้นได้ หรืออาจจะต้องลงมือวาดใหม่ทั้งหมดเลยก็เป็นได้
ปัจจุบันได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการสร้างงานกราฟิก ทำให้เกิดความสะดวกสบายหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องการทำสำเนา หรือการแก้ไขข้อผิดพลาด ก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานมีความมั่นใจ และกล้าที่จะลองผิดลองถูกมากขึ้น
แต่ด้านมือของการสร้างกราฟิกในคอมพิวเตอร์ก็มีไม่แพ้ประโยชน์อย่างน้อยๆข้อเสียก็คือการคัดลอกหรือทำสำเนาได้ง่าย ทำให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์กันบ่อยครั้ง แม้จะมีคิดค้นทำ Water Mark เพื่อป้องกันลิขสิทธิ์ดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
ประวัติของคอมพิวเตอร์กราฟิก
ต้นกำเนิดของคอมพิวเตอร์กราฟิก เริ่มต้นจากการสร้างจอภาพของคอมพิวเตอร์ขึ้นมาแสดงผลด้วยเครื่องพิมพ์ เพื่อเพิ่มความเร็วในการปฏิสัมพันธ์ (Interactive) ต่อผู้ใช้ จอภาพที่สร้างขึ้นมา เรียกว่า จอภาพ CRT (Cathode Ray Tube) พัฒนาขึ้นมาโดยสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาซูเซ็สต์ (MIT : Massachusettes Institute Technology) เมื่อปี ค.ศ. 1950 ซึ่งยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน จอภาพคอมพิวเตอร์นี้มีหลักการทำงานเช่นเดียวกับจอภาพของโทรทัศน์
ในสมัยก่อนการวาดภาพด้วยคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นเรื่องยากกว่าการวาดภาพลงบนกระดาษด้วยปากกามาก เนื่องจากคอมพิวเตอร์ต้องอาศัยแป้นพิมพ์หรือเมาส์ในการป้อนข้อมูล ในปี ค.ศ. 1963 อีวาน ซูเธอร์แลน (Ivan Sutherland) จึงได้ประดิษฐ์ปากกาแสง (Light Pen ) ขึ้นมา มีลักษณะเหมือนปากกาธรรมดา แต่เมื่อวาดด้วยปากกาแสงนี้บนแผ่นรองรับพิเศษจะสามารถปรากฏเป็นภาพบนหน้าจอได้ประดุจการวาดภาพบนกระดาษด้วยปากกาธรรมดา นอกจากนั้นเขายังได้คิดค้นหลักและวิธีการวาดภาพกราฟิกคอมพิวเตอร์ และโครงสร้างข้อมูลของคอมพิวเตอร์กราฟิกขึ้นมาใช้งานอีกด้วย
เนื่องจากจอภาพคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ ไม่สามารถรักษาภาพบนจอภาพให้คงทนอยู่ได้และจะจางหายในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมาจึงต้องมีการวาดภาพนั้นซ้ำใหม่ตลอดเวลา ทำให้เสียเวลาและทำให้การประมวลผลช้า อีกทั้งจอภาพในยุคนั้นยังคงมีราคาแพง
ในปี ค.ศ. 1968 บริษัท เทคโทรนิกส์ (Tektronix) ได้ประดิษฐ์จอภาพที่แสดงได้คงทนโดยไม่ต้องวาดซ้ำหรือสั่งให้สร้างภาพใหม่ เรียกว่า Storage – Tube CRT ทำให้จอภาพมีราคาถูกลง และนิยมใช้กันทั่วไป
ในปี ค.ศ. 1970 มีการแข่งขันทางอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์กันเป็นอย่างมาก ทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ราคาถูกลง และเทคโนโลยีเกี่ยวกับจอภาพก็พัฒนามากขึ้นตามลำดับ สำหรับด้านซอฟต์แวร์ ในปี 1972 ปิแอร์ บาเซียร์ (Pierre Bazier) ได้อาศัยทฤษฎีของ สตีเวน คูนส์ (Steven Coons) คิดค้นการสร้างเส้นโค้งและภาพพื้นผิวอันเป็นพื้นฐานสำหรับภาพ 3 มิติในปัจจุบัน
บทบาทของคอมพิวเตอร์กราฟิก
คอมพิวเตอร์กราฟิกกำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น แทนที่การสร้างกราฟิกด้วยมือ ด้วยวิธีการอันทันสมัย การอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการสร้าง อีกทั้งผลงานที่ได้ก็สวยงาม คมชัด แต่ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกราฟิกด้วยคอมพิวเตอร์หรือสร้างด้วยมือต่างก็มีคุณค่าของผลงานไปคนละแบบ ไม่ด้อยกว่ากัน แต่คอมพิวเตอร์กราฟิกดูเหมือนจะได้เปรียบตรงที่ว่ามีขั้นตอนการสร้างที่ง่าย สะดวก รวดเร็วกว่า อีกทั้งยังสามารถทำสำเนาได้ง่ายและไม่จำกัด
บทบาทของคอมพิวเตอร์กราฟิกในด้านต่างๆ มีดังนี้
- ด้านบันเทิง
- ด้านการประชาสัมพันธ์
- ด้านการศึกษา
- ด้านธุรกิจการค้า
- ด้านอื่นๆ
บทบาทด้านบันเทิง
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้วงการบันเทิงต่างก็นิยมที่จะใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารบันเทิง ภาพปกเทป ภาพปกซีดี Hand Billภาพยนตร์หรือโปสเตอร์ภาพยนต์ ซึ่งคอมพิวเตอร์กราฟิกสามารถสร้าง Special Effect ขึ้นมาได้ง่าย ช่วยดึงอารมณ์ของผู้ชมให้ตื่นเต้นเร้าใจกว่าภาพรูปแบบธรรมดา คอมพิวเตอร์กราฟิกจึงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในวงการบันเทิง และดูเหมือนจะขาดไม่ได้
รูปที่ 1 ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก
รูปที่ 2 การทำหน้าปก CD โดยอาศัยคอมพิวเตอร์กราฟิก
แม้แต่ภาพนายแบบหรือนางแบบที่ลงในนิตยสาร หากถ่ายภาพออกมาแล้วภาพดูไม่สวยอาจเกิดจากแสงเงาไม่พอดี หรือมีรอยสิว หรือแผลบนใบหน้า ก็สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิกปรับแต่งให้ดูดีและเนียนขึ้นมาได้
รูปที่ 3 การลบรอยสิว แผลเป็น หรือริ้วรอย ด้วยเครื่องมือ Heal Brush
คอมพิวเตอร์กราฟิกยังสามารถสร้างความบันเทิงที่สำคัญและทุกคนรู้จักกันดีอีกอย่างหนึ่ง คือ เกมคอมพิวเตอร์กราฟิก ซึ่งปัจจุบันเกมคอมพิวเตอร์กราฟิกพัฒนาขึ้นไปกว่าเดิมมากแต่ก่อนเป็นเกมภาพแบบ 2 มิติ ปัจจุบันสามารถสร้างภาพแบบ 3 มิติ เพื่อความสมจริง และเพิ่มอรรถรสในการเล่นให้มากยิ่งขึ้น
ต่อมายังได้มีการนำเกมคอมพิวเตอร์มาประยุกต์กับระบบเครือข่าย จนทำให้กลายเป็นเกมออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเกม Counter Strike , Ragnarok เป็นต้น จะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก
บทบาทด้านประชาสัมพันธ์
การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกประกอบในการประชาสัมพันธ์จะช่วยทำให้เกิดความน่าสนใจแก่ผู้ชม สื่อหลายชนิดที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์สามารถใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกประกอบหรือสร้างมาจากคอมพิวเตอร์กราฟิกทั้งหมดก็ได้ เช่น แผ่นพับ แผ่นโฆษณา ใบปลิว เป็นต้น
ภาพโฆษณาหรือภาพในแผ่นพับที่เราเห็นนั้น บางครั้งก็เป็นภาพที่จัดแต่งหรือทำขึ้นมาเองโดยใช้คอมพิวเตอร์ เนื่องจากภาพบางภาพไม่สามารถที่จะจัดองค์ประกอบของภาพให้ครบถ้วนตาม Concept ที่วางไว้ ดังนั้นจึงต้องมีบางส่วนของภาพ ที่จัดทำขึ้นมาเองด้วยคอมพิวเตอร์
นอกจากนั้น การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ด้วยคอมพิวเตอร์ยังช่วยให้สามารถแก้ไข ปรับปรุงต้นฉบับสื่อได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถสำเนาแจกจ่ายได้ไม่จำกัดจำนวนอีกด้วย
บทบาทด้านธุรกิจการค้า
ธุรกิจการค้าในปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัยคอมพิวเตอร์กราฟิกในการตกแต่งเพื่อจะทำให้บรรจุภัณฑ์ของสินค้าดูดี มีราคาและน่าซื้อ จะเห็นได้ว่า กล่อง หีบห่อ หรือบรรจุภัณฑ์ของสินค้าส่วนใหญ่มักจะมีรูปภาพประกอบ ส่วนจะวางภาพอยู่ในตำแหน่งใดก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิต สินค้าที่ออกแบบดี มีภาพประกอบสวย ได้สัดส่วน จะช่วยทำให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจในตัวสินค้าเมื่อแรกเห็น ซึ่งแม้จะยังไม่เคยลองใช้หรือรู้สรรพคุณสินค้า แต่ก็สามารถช่วยเป็นแรงจูงใจทำให้ผู้บริโภคอยากลองซื้อไปทดลองใช้
คอมพิวเตอร์กราฟิกยังสามารถสร้างอาชีพให้แก่ผู้ที่มีความชำนาญในด้านนี้ได้ โดยอาจจะรับจ้างออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือออกแบบบรรจุภัณฑ์ หรือสร้างสื่อต่างๆ อันจะก่อให้เกิดชื่อเสียงและรายได้ตามมา
บทบาทด้านการศึกษา
คอมพิวเตอร์กราฟิกสามารถใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการจัดทำสื่อการสอนซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งในการเรียนการสอน สื่อการสอนที่ประกอบไปด้วยตัวหนังสือเป็นจำนวนมาก บางครั้งก็ไม่สามารถจะทำให้นักศึกษาหรือผู้เรียนเกิดความเข้าใจที่กระจ่างชัดได้ เหมือนประโยคที่ว่า “ ภาพเพียงภาพเดียว อธิบายได้ดีกว่าคำนับพัน”
ในตำราเรียนหรือเอกสารประกอบการเรียนทั่วๆ ไป ก็อาศัยคอมพิวเตอร์กราฟิกในการบรรยายขั้นตอนวิธีทำด้วยรูปภาพ ที่เห็นกันอยู่ทั่วไปและได้รับความนิยมก็คือ ตำราเกี่ยวกับวิธีการใช้งานซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ โดยจะอธิบายขั้นตอนวิธีทำด้วยรูปภาพทำให้ผู้อ่านสามารถลงมือปฏิบัติตามตำราทีละขั้นตอนได้
สำหรับสื่อการสอนที่จัดทำได้ง่ายและนิยมใช้กันทั่วไป ได้แก่ สื่อการสอนที่สร้างจากโปรแกรม Powerpoint ลักษณะของสื่อการสอนชนิดนี้จะประกอบด้วยสไลด์ต่างๆ รวมเป็นชุดบางครั้งการนำภาพประกอบสไลด์ก็มีประโยชน์แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจเป็นโทษได้ ข้อดีและข้อเสียของการสร้างสไลด์โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกประกอบ มีดังนี้
ข้อดี
- ทำให้สื่อการสอนมีความสนใจและไม่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกเบื่อหน่าย
- เสริมคำอธิบาย ทำให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น
- ช่วยให้ผู้เรียนไม่ต้องเพ่งอ่านหนังสือมากจนเกินไป ทำให้เกิดการผ่อนคลาย
- ลดจำนวนคำอธิบายด้วยหนังสือ
- เพิ่มสีสันในการเรียนการสอน
- ทำให้สื่อการสอนสวยงาม น่าประทับใจ
แต่หากใช้ภาพกราฟิกประกอบมากจนเกินพอดีอาจจะเป็นผลเสียได้ ดังนี้
ข้อเสีย
- เกะกะ รุงรัง ทำให้อ่านหนังสือยาก
- อาจทำให้เกิดความรำคาญแก่ผู้เรียน
- ถ้าแทรกภาพที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาที่สอน จะทำให้ผู้เรียนหันเหความสนใจไปในทางอื่น
- หากนำไปจัดพิมพ์ก็จะสิ้นเปลืองหมึกพิมพ์โดยไม่เกิดประโยชน์
บทบาทด้านอื่นๆ
คอมพิวเตอร์กราฟิกยังสามารถใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากมายนอกเหนือที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นต้นว่า ใช้ในด้านวิทยาศาสตร์และการค้นคว้าวิจัย ด้านการติดต่อสื่อสารโทรคมนาคม ด้านรณรงค์ เชิงอนุรักษ์ ด้านการแพทย์ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าแทบทุกวงการ สามารถนำคอมพิวเตอร์กราฟิกไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เช่น เว็บไซต์ภาพลามก อนาจาร ดังนั้นหลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิกแล้ว ควรใช้ความรู้เหล่านี้ในเชิงสร้างสรรค์ในสิ่งที่ดีงาม ละเว้นสิ่งผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม อันจะช่วยทำให้ภาพพจน์และบทบาทของคอมพิวเตอร์กราฟิกต่อสังคมมีแต่แง่ดีและเจริญรุ่งเรือง ส่วนคุณค่าของคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นสามารถอ่านเพิ่มเติมได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น